วัดป่าเป้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่

0
882

วัดป่าเป้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200

เมื่อครั้งก่อนเชียงใหม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของทางพุกาม(พม่า)อยู่หลายครั้งหลายคราด้วยกัน ทำให้มีร่องรอยวัฒนธรรม ของชาวพุกามอยู่หลายแห่งด้วยกัน ซึ่ง”วัดป่าเป้า”แห่งนี้ ก็ได้มีผู้สัณนิฐานว่าสร้างเมื่อครั้งเชียงใหม่เป็นเมืองขึ้นของพม่า ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากลักษณะของสถาปัตยากรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะพุกาม แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานจดบัณทึกไว้อย่างแน่นอน ซึ่งประวัติวัดที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นประวัติช่วงที่มีการเปลี่ยนชื่อจาก”วัดพราหมณ์” เป็น”วัดป่าเป้า”ในปัจจุบัน “พระเจ้าภือนาธรรมมิกราช” กษัคริย์องค์ที่๘ แห่งราชวงค์มังราช กษัตริย์ผู้ครองนคร”ล้านนาไท” ซึ่งได้สร้างวังประทับ”หอคำ” นอกกำแพงทางด้านทิศเหลือของป้อม”ศรีภูมิ” ในพ.ศ.๑๙๓๑ จากตำนาน”ชินกาลมาลีปกรณ์” หรือราชวงค์ปกรณ์ บริเวณที่เป็นวัดป่าเป้าปัจจุบันนี้ สมัยอดีตกาลโบราณเคยเป็นบริเวณ “วัดพราหมณ์” ซึ่งเป็นที่พำนักของชีประขาว ชาวเมืองพุกามที่ชื่อ”มังลุงหลว้าง”ก็มาพำนักที่วัดพราหมณ์แห่งนี้เช่นกัน ในสมัยพระเจ้าติโลกราชพลายราชสมบัติเมือง”นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” มังลุงหลว้างได้รับเงินค่าจ้างจาก”พระบรมไตรโลกนาถ” กษัตริย์กรุงศรีอยุธยา เข้ามาตัดต้นไม้”นิโครธ”(ต้นไทร) ที่พระเจ้ามังรายปฐมบรมราชวงค์มังรายทรงปลูกเอาไว้ ซึ่งอยู่ใกล้กับแจ่งศรีภูมิเพื่อเป็นที่สิงสถิตย์ของพระเจ้าเสื้อเมืองเทพารักษ์ และประกอปพิธีทางศาสนาต่างๆได้สดวก ปรากฏว่าภายหลังทางกรุงศรีอยุธยา ได้ส่งฑูตเข้ามาไกล่เกลี่ยให้คืนดีเหมือนเดิม แต่ภายหลังความลับก็ได้ภูกเปิดเผยออกมาว่า ที่มังลุงหลว้างเข้ามาพักที่วัดพราหมณ์แห่งนี้ก็เพราะว่าเข้ามาเพื่อตัดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่ประทับของเทพพารักษ์ของนพบรีศรีนครพิงค์ พระเจ้าติโลกราชจึงเรียกมังลุงหลว้างมาสอบถาม มังลุงหลว้างก็ยอมรับสารภาพว่าได้รับเงินจากพระบรมไตรโลกนาถให้มาทำลาย พระเจ้าติโลกราช ทรงทราบความจริงก็ทรงพิโรธ ซึ่งชำระความผิดกับมังลุงหลว้างและผู้ร่วมการกระทำ(ระสี) ฤษี โดยการโบยและนำไปถ่วงในน้ำแม่ระมิงค์(แม่ปิง) ที่แก่งป็อกไต้ และวัดที่ชีปะขาวชาวพุกามเข้ามาพำนัก ก็กลายเป็นวัดร้างตั้งแต่วันนั้นเป็นมา พระเจ้าติโลกราชทรงประกาศความเจริญทางด้านพุทธศาสนาท้าแข่งกับพระบรมไตรโลกนาคแห่งกรุงศรี พระเจ้าติโลกราชก็ทรงชนะ จึงได้มีการปรับปรุงวัด และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าเป้า..